รายละเอียด
- น้ำยา Auto White ถูกผลิตมาเพื่อการขจัดคราบไคลที่ติดอยู่บนรถสีขาวโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมที่นำเข้าจากอิตาลี่และทำการปรับสูตรให้เหมาะกับรถที่ผลิตในประเทศไทย
- ทำไมถึงต้องเฉพาะรถสีขาว? : รถสีขาว เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะเกิดคราบสะสมอันเนื่องมาจาก มลภาวะ,สภาพอากาศ,ฟ้าฝนหรือฝุ่นโคลน ทำให้รถสีขาวเกิดการหมองหรือเหลืองขึ้น รวมทั้งยังอาจเกิดคราบขึ้นได้
- ทำไมรถสีอื่นจึงไม่เป็น? : เพราะว่ารถสีอื่นไม่ได้มีความสว่างของสีเท่าสีขาวจึงทำให้เราไม่เห็นคราบหรือความสกปรกที่เกิดขึ้นได้
- น้ำยากัดสีรถไหม? : น้ำยา Auto White ถูกปรับสูตรมาให้เหมาะกับรถในไทยแล้วจึงไม่กัดสี ในเมืองนอกเอง น้ำยาตัวนี้ยังสามารถเอาไปใช้งานได้ในหลายรูปแบบ เช่น ล้างรถบรรทุก(ที่ต้องการความเข้มข้นของน้ำยามากเป็นต้น)
- ทำไมบางคนถึงต้องใส่ถุงมือระหว่างใช้น้ำยา? : เพราะว่าผิวหนังของแต่หละคนมีความทนทานต่อสารไม่เท่ากัน เช่นบางคน แค่โดนน้ำยาล้างจานก็เกิดอาการแพ้ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ผู้ที่เคยมีอาการแพ้ หรือแพ้สารง่าย ใส่ถุงมือขณะทำ Auto White
- ทำไมต้องเคลือบสีหลังจากใช้น้ำยา Auto White เสร็จ? : ด้วยคุณสมบัติการขจัดคราบไคลของน้ำยา จึงไปทำให้น้ำยาเคลือบสีที่ติดอยู่กับสีรถถูกชะล้างออกไปด้วย เพื่อความเงางาม ขาวใส ที่คงทน เราจึงแนะนำให้เคลือบสีทับอีกครั้ง
- ต้องใช้น้ำยาเคลือบสี Auto Bright อย่างเดียวหรือไม่? : หากคุณมีน้ำยาเคลือบสีติดรถอยู่แล้ว ใช้ของเดิมก็ได้ครับ แต่ถ้าหากคุณอยากได้น้ำยาเคลือบสีที่ Match กับน้ำยา Auto White จะลองใช้ Auto Bright ก็ได้ครับ
- Auto Bright ดียังไง? : Auto Bright เป็นน้ำยาเคลือบสีกึ่งฟิลม์แก้วในตัว จะทำให้สีรถเงางามดุดกระจก และมีความไหลลื่นเมื่อถูกละอองน้ำหรือฝนตกใส่ ทั้งยังมีความง่ายในการใช้งาน เพียงแค่ฉีดลงบนตัวถังแล้วเช็ดออก ก็เห็นถึงความแตกต่าง.-ทำไมราคาแพงกว่าคนอื่นเค้า
- มันจะดีกว่าเค้าไหม? : ข้อนี้ต้องลองพิสูจน์ดูครับ ทำไมราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่น ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า Auto Wow เป็นน้ำยานำเข้าจากอิตาลี่ ดังนั้นราคาต้นทุนจึงแพงกว่าเป็นปกติ และ Auto Wow ยังเป็นน้ำยาที่ใช้กับ Super car ทำให้เรากล้าการันตีคุณภาพ
- แพงกว่าไหม? : ต้องถามว่าคุณเทียบกับแบรนด์ไหน หากเทียบกับแบรนด์ในประเทศ ราคาไม่ได้แพงกว่าในคุณภาพที่เหนือกว่าครับ แต่หากเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศที่นำเข้ามา เราถูกกว่าในคุณภาพที่ทัดเทียมครับ
- ทำไมถึงแนะนำให้ใช้Auto Whiteคู่กับฟองน้ำที่แถมมา? : ฟองน้ำที่แถมมาถูกทดสอบมาแล้วว่า ได้ผลดีเมื่อใช้คู่กับน้ำยา Auto White ของเรา ทำให้ได้ผลงานเร็วขึ้น ไม่เปลืองแรง เห็นผลชัดเจน
- Auto White 1 ขวดใช้ได้กี่ครั้ง? : ขึ้นอยู่กับสถาพพื้นผิวของรถ ถ้ารถไม่ได้รับการดูแลเลย อาจต้องใช้ 1 ขวดต่อการใช้งานครั้งแรก แต่หากรถดูแลดี 1 ขวด ใช้ได้ 3 ครั้งครับ
- เมื่อไหร่ควรใช้ Auto White ซ้ำอีก : เมื่อคุณเห็นว่ารถคุณเกิดคราบไคลหรือสกปรกแบบที่การล้างรถปกติล้างไม่ออก ให้ใช้ Auto White ทำความสะอาดเป็นจุดๆได้ครับ โดยปกติ เมื่อใช้ครั้งแรกแล้วมีการเคลือบซ้ำ จะใช้เวลาอีกนานกว่าจะต้องมาใช้ Auto White อีกครั้งครับเพราะรถถูกเคลือบสีไว้แล้ว หากล้างรถครั้งต่อไป ก็แค่เคลือบสีครับ
- ทำไมแนะนำให้ทำ Auto White เป็นส่วนๆ : เพราะว่าถ้าเราทั้งคันในครั้งเดียวที่ฉีดน้ำยา เราจะไม่สามารถใช้ฟองน้ำเช็ดน้ำยาได้ทันที่น้ำยาจะไหลลง จะทำให้เกิดรอยด่าง เนื่องมาจากความต่างกันของสีครับ และถ้าทำทีหละชิ้นส่วน ยังสามารถดูได้ด้วยว่า ทำแล้ว เกิดความขาว เท่ากันทั้งชิ้นหรือยัง
วิธีการใช้งาน
- ล้างรถด้วยน้ำยาล้างรถให้สะอาด แต่ยังไม่ต้องเช็ดรถให้แห้ง
- (เขย่าขวดก่อนใช้) ฉีดน้ำยา Auto White ลงในบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดหรือฉีดใส่ฟองน้ำแบบละเอียดที่แถมไปกับสินค้า (เพื่อความแตกต่างอย่างชัดเจน แนะนำว่าให้แบ่งพื้นที่การทำงานเป็นชิ้น เช่น เริ่มทำจากประตูหน้า แล้วค่อยทำประตูหลังต่อ)
- ใช้ฟองน้ำเช็ดให้ทั่วบริเวณพื้นที่ชิ้นงานที่ทำให้ทั่ว จะสังเกตเห็นคราบไคลหลุดติดที่ฟองน้ำหรือไหลลงมาอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องออกแรงขัด (เปิดน้ำเบาๆคอยฉีดไล่คราบออก จะทำให้งานเร็วขึ้น)
- เมื่อดูแล้วว่าคราบออกหมดให้ ใช้น้ำล้างส่วนที่ทำ แล้วเช็ดให้แห้ง
- มองด้วยตาเปล่าจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน สีรถจะกลับมาขาวเหมือนใหม่
- ควรใช้น้ำยาเคลือบสี Auto Bright ซึ่งเป็นน้ำยาแบบ Speedy wax เคลือบทับอีกที เพื่อให้ความขาวใสอยู่นาน (น้ำยาเคลือบสีแบบเร็วหรือน้ำยาเคลือบสีแบบครีมยี่ห้ออะไรที่มีอยู่แล้ว ก็สามารถใช้ได้ครับ) รวดเร็ว ใช้เวลาน้อย เห็นผลชัดเจน
วิธีการเก็บรักษา
เก็บในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหารและสัตว์เลี้ยง ห้ามเก็บไว้กลางแดดหรือทิ้งไว้ในรถ
คำเตือน
- ห้ามรับประทาน
- ระวังอย่าให้เข้าตา
- ผู้ที่แพ้สารเคมี ขณะใช้งานควรสวมถุงมือยาง
- ภาชนะที่ใช้หมดแล้วควรทิ้งหรือทำลาย ห้าม ทิ้งลงแม่น้ำ แหล่งน้ำสาธารณะ
วิธีแก้พิษเบื้องต้น
- หากเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด จนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์
- หากกลืนกิน ห้าม ทำให้อาเจียน ให้ดื่มน้ำหรือนมในปริมาณมากๆ แล้วรีบนำผู้ป่วย ส่งแพทย์ทันที พร้อมด้วยภาชนะบรรจุ และฉลากของผลิตภัณฑ์
Facebook Comments